ศาสนาอิสลามในประเทศไทย
ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่มีการนับถือเป็นอันดับที่ 2 ในประเทศไทยรองจากศาสนาพุทธ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสถิติระบุว่าประชากรมุสลิมมีระหว่าง 2.2 ล้านคน ถึง 7.4 ล้านคน มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นเมืองจากแหลมมลายูและจากการอพยพเข้ามาจากทั่วโลก มุสลิมในไทยส่วนใหญ่เป็นนิกายซุนนีย์
ประวัติ
กลุ่มชาติพันธุ์ที่คนไทยเรียกกันว่า “แขก” คาดว่ามีที่มาจากพ่อค้าชาวมุสลิมในคาบสมุทรเปอร์เซียและอินเดียที่เข้ามาค้าขายในแหลมมลายู (ปัตตานีและมาเลเซีย) มาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ทำให้ศาสนาอิสลามเป็นที่รู้จักและเผยแผ่เข้าไปในราชสำนัก ภายหลังคนพื้นเมืองจึงได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม ส่วนในประเทศไทยนี้พบหลักฐานว่าคนไทยได้ติดต่อสัมผัสกับชาวมุสลิมตั้งแต่ยุคสมัยสุโขทัย และช่วงกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมา โดยชาวมุสลิมบางคนนั้น เป็นถึงขุนนางในราชสำนัก ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์มีชาวมุสลิมที่ค้าขายและอพยพจากภัยสงครามมาจากคาบสมุทรมลายูนอกจากนี้ยังมีชาวมุสลิมอินเดียที่เข้ามาตั้งรกราก รวมถึงชาวมุสลิมยูนนานที่หนีภัยการเบียดเบียนศาสนาหลังการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ในประเทศจีน
เชื้อชาติ
ชาวไทยเชื้อสายมลายู ในจังหวัดสงขลา
ประชากรมุสลิมของไทยมีความหลากหลายและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยมีกลุ่มเชื้อชาติอพยพเข้ามาจากจีน ซาอุดิอาระเบีย ปากีสถาน กัมพูชา บังกลาเทศ อิหร่าน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับชาวไทย ขณะที่มุสลิมในประเทศไทยราวสองในสามมีเชื้อสายมลายู
ลักษณะประชากรและภูมิศาสตร์
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าชาวมุสลิมส่วนใหญ่ของประเทศอาศัยอยู่ในสามจังหวัดใต้สุดของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส อย่างไรก็ตาม การศึกษาของกระทรวงการต่างประเทศ ชี้ว่า ชาวไทยมุสลิมเพียงร้อยละ 18 เท่านั้นที่อยู่ในพื้นที่สามจังหวัดนี้ ส่วนที่เหลืออาศัยอยู่กระจายไปทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและตลอดพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2548 มุสลิมในภาคใต้คิดเป็นประชากรร้อยละ 30.4 ของประชากรอายุมากกว่า 15 ปี แต่ในส่วนอื่นของประเทศกลับมีเพียงน้อยกว่าร้อยละ 3
ศูนย์กลางนิกาย
สำนักคิดซุนนี (ซาอุดิอาระเบีย) ศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
สำนักคิดชีอะฮ์ (อิหร่าน) ศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช