“อัล-มุบาฮะละฮ์” คือวันที่สัจธรรมอยู่เหนือความเท็จ

“ อัล-มุบาฮะละฮ์ ” คือวันที่สัจธรรมอยู่เหนือความเท็จ

โองการอัลกุรอ่านที่ถูกประทานลงมาในเหตุการณ์ “อัล-มุบาฮะละฮ์”

فَمَنْ حَاجَّكَ فِيهِ مِنْ بَعْدِ مَا جَاءَكَ مِنَ الْعِلْمِ فَقُلْ تَعَالَوْا نَدْعُ أَبْنَاءَنَا وَ أَبْنَاءَكُمْ وَ نِسَاءَنَا وَ نِسَاءَكُمْ وَ أَنْفُسَنَا وَ أَنْفُسَكُمْ ثُمَّ نَبْتَهِلْ فَنَجْعَلْ لَعْنَتَ اللَّهِ عَلَى الْكَاذِبِينَ
آیه ۶۱ سوره آل عمران

[3:61] ดังนั้น เมื่อความกระจ่าง (เรื่องอีซา) ได้มายังเจ้าแล้ว ยังมีผู้โต้เถียงเจ้าในเรื่องนี้ ก็จงกล่าวกับพวกเขาว่า ให้พวกเจ้าจงมาเถิด เราจะเรียกลูก ๆ ของเราและลูก ๆ ของพวกท่านมา เรียกผู้หญิงของเรา และ ผู้หญิงของพวกเจ้ามา และ ตัวตนของเรา และตัวตนของท่านมา แล้วพวกเราก็จะทำการสบถสาบาน และพวกเราจะขอให้การสาปแช่งของอัลลอฮ์ จงบังเกิดแก่บรรดาผู้โป้ปดมดเท็จ

  • เรื่องราวของเหตุการณ์ “ อัล มุบาฮะละฮ์ ”

เรื่องเริ่มจาก ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. ได้ส่งสาส์นไปยังกษัตริย์เมืองต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้กษัตริย์เหล่านั้นยอมรับศาสนาอิสลาม ในจำนวนสาส์นทั้งหมดมีอยู่ฉบับหนึ่งที่ส่งไปยัง อบู ฮาริษะฮ์(อุสกุฟ- أسقف )ซึ่งดำรงตำแหน่งพระสังฆนายกแห่งนัจญ์รอน เพราะเขากำลังรอคอยการมาปรากฏของศาสดาคนใหม่ตามที่มีข้อความระบุไว้ในคัมภีร์อินญีล

หลังจาก อบู ฮาริษะฮ์ แห่งนัจญ์รอนได้รับสารจากท่าน นบี ศ. เขาได้อ่านเนื้อหาอย่างละเอียด จากนั้นสั่งประชุมทันที มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้นำศาสนา นักการเมืองและผู้สูงศักดิ์ มติในที่ประชุมมีว่า ให้ส่งคณะทูตไปมะดีนะฮ์ เพื่อตรวจสอบความจริงเกี่ยวกับการเป็นศาสดาของท่านนบีมุฮัมมัด ศ. ที่ประชุมได้คัดผู้ทรงคุณวุฒิได้ 60 คนเพื่อภารกิจสำคัญนี้ โดยมี 3 บุคคลต่อไปนี้เป็นหัวหน้าคณะ

  • สังฆราชอุสกุฟ
  • อัลอากิ๊บ(อับดุลมะซีห์)กุนซือเจ้าความคิด
  • อัลอัยฮัม ผู้อาวุโสทั้งอายุและสมณศักดิ์

คณะทูตแห่งนัจญ์รอน เดินทางมาถึงมะดีนะฮ์ พวกเขาได้เข้าพบท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ. ที่มัสญิด ทุกคนสวมใส่ชุดนักบุญ ทอจากไหมดีบาจญ์และหะรีร สวมแหวนทอง แบกไม้กางเขนไว้ที่บ่า อย่างตระการตา พวกเขาให้สลามท่านนบี ศ. ท่านรับสลามและแสดงการต้อนรับพวกเขาอย่างสมเกียรติ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับ ท่านศาสดา ศ. ได้ตอบโต้กับบุคคลเหล่านั้นด้วยวิธีการที่ดีที่สุด และได้อธิบายให้เขาเหล่านั้นรับรู้ถึงสัจธรรมต่างๆ ของอิสลาม บรรดาผู้นับถือศาสนาคริสต์ได้ซักถามเกี่ยวกับความเชื่อถือที่มีต่อท่านศาสดา “อีซา” ว่าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า หรือเป็นบุตรของมัรยัมฝ่ายเดียว? ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ตอบบุคคลเหล่านั้นด้วยโองการของ อัล กุรอาน ความว่า

مَّا الْمَسِيحُ ابْنُ مَرْيَمَ إِلاَّ رَسُولٌ قَدْ خَلَتْ مِن قَبْلِهِ الرُّسُلُ وَأُمُّهُ صِدِّيقَةٌ كَانَا يَأْكُلاَنِ الطَّعَامَ

[5:75] อัล มะซีห์ บุตรของมัรยัมนั้นมิได้เป็นใครนอกจากเป็นศาสนทูตคนหนึ่ง ซึ่งมีบรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเขาได้ล่วงลับไปแล้วและมารดาของเขาเป็นสตรีผู้มีความสัตย์จริง และเขาทั้งสองรับประทานอาหาร

กลุ่มนัจญ์รอนได้โต้แย้งท่านศาสดาว่า เขาคือบุตรของพระเจ้า เนื่องจากมารดาของอีซาไม่เคยสัมผัสชายใดมาก่อน ไม่เคยแต่งงาน แต่นางได้ตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นบิดาของอีซาคือก็พระองค์นั้นเอง ณ จุดนี้เอง ญิบรอฮีลได้นำวะฮ์ยูลงมายังมุฮัมมัดศาสนทูตแห่งพระเจ้าดังนี้ :

إِنَّ مَثَلَ عِيسَى عِندَ اللّهِ كَمَثَلِ آدَمَ خَلَقَهُ مِن تُرَابٍ ثِمَّ قَالَ لَهُ كُن فَيَكُونُ.. ال عمران 54

[3:54] จงบอกกับพวกเขาไปซิว่า ลักษณะของอีซา นั้นเหมือนกับอาดัม พระเจ้าทรงสร้างอาดัมขึ้นมาจากดินด้วยอำนาจแห่งพระองค์โดยปราศจากบิดาและมารดา และหากการไม่มีบิดาบ่งชี้ว่าเขาคือบุตรของพระเจ้า อาดัมย่อมมีสิทธิกว่าเนื่องจากเขาไม่มีทั้งบิดาและมารดา ”

คำพูดนี้ทำให้กลุ่มตัวแทนของชาวนัจญ์รอนถึงคำอึ้งไปพักหนึ่งหลังจากนั้นพวกเขาจึงทำลายความเงียบด้วยคำพูดนี้ “ คำพูดของท่านนำมาหักล้างไม่ได้ ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุด ก็คือ การ “ มุบาฮะละฮ์ ” เพื่อให้พระเจ้าทรงสาปแช่งกลุ่มชนที่พูดเท็จ และวิงวอนขอต่อพระองค์ให้นำความหายนะมาสู่กลุ่มชนที่พูดปด ” ณ จุดนี้เช่นกันที่อีกโองการหนึ่งจากพระมหาคัมภีร์อัล กุรถูกประทานลงมายังมุฮัมมัด ศาสนทูตแห่งพระเจ้าดังมีใจความว่า:

فَمَنْ حَآجَّكَ فِيهِ مِن بَعْدِ مَا جَاءكَ مِنَ الْعِلْمِ فَقُلْ تَعَالَوْاْ نَدْعُ أَبْنَاءنَا وَأَبْنَاءكُمْ وَنِسَاءنَا وَنِسَاءكُمْ وَأَنفُسَنَا وأَنفُسَكُمْ ثُمَّ نَبْتَهِلْ فَنَجْعَل لَّعْنَةَ اللّهِ عَلَى الْكَاذِبِينَ

[3:61] ดังนั้น เมื่อความกระจ่าง (เรื่องอีซา) ได้มายังเจ้าแล้ว ยังมีผู้โต้เถียงเจ้าในเรื่องนี้ ก็จงกล่าวกับพวกเขาว่า ให้พวกเจ้าจงมาเถิด เราจะเรียกลูก ๆ ของเราและลูก ๆ ของพวกท่านมา เรียกผู้หญิงของเรา และ ผู้หญิงของพวกเจ้ามา และ ตัวตนของเรา และตัวตนของท่านมา แล้วพวกเราก็จะทำการสบถสาบาน และพวกเราจะขอให้การสาปแช่งของอัลลอฮ์ จงบังเกิดแก่บรรดาผู้โป้ปดมดเท็จ

ทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมสำหรับการทำมุบาฮะละฮ์ และตกลงกันว่าในวันรุ่งขึ้นให้ทั้งหมดออกมาตามนัดเพื่อจะได้ทำการสบถกัน เมื่อกำหนดทำพิธี อัล มุบาฮะละฮ์ ตามสัญญามาถึง พวกนัจญ์รอนกลับยอมแพ้ในวินาทีสุดท้าย เมื่อพวกเขาเห็นว่าท่านศาสดาพาคนออกมาเพียงไม่กี่คน จึงมีการถามขึ้นว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร มุฮัมมัดศาสนทูตแห่งพระเจ้าได้กล่าวกับพวกเขาว่า บุคคลทั้งสี่ ก็คือ อะลี ลูกของลุงฉันและเป็นลูกเขยฉัน เขาเป็นบิดาของหลานชายทั้งสองของฉัน เป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด เด็กสองคนนี้เป็นบุตรของลูกสาวฉันเกิดจากอะลี ทั้งสองเป็นที่รักยิ่งของฉัน ส่วนสตรีนางนี้ชื่อฟาติมะฮ์ นางเป็นสตรีที่มีเกียรติมากที่สุดและเป็นญาติที่สนิทที่สุดของฉัน พวกเขาคือ อะลุลบัยต์(ครอบครัว) ของฉัน

  • มุสลิมได้บันทึกไว้ในหนังสือ “ศอเอี้ยะ” ของเขาถึงคำพูดของอาอิชะภรรยาคนหนึ่งของท่านนบี ศ. ว่า :

قالت عائشة رضي الله عنها قالت
خَرَجَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ غَدَاةً وَعَلَيْهِ مِرْطٌ مُرَحَّلٌ، مِنْ شَعْرٍ أَسْوَدَ، فَجَاءَ الْحَسَنُ بْنُ عَلِيٍّ فَأَدْخَلَهُ، ثُمَّ جَاءَ الْحُسَيْنُ فَدَخَلَ مَعَهُ، ثُمَّ جَاءَتْ فَاطِمَةُ فَأَدْخَلَهَا ، ثُمَّ جَاءَ عَلِيٌّ فَأَدْخَلَهُ ، ثُمَّ قَالَ: إِنَّمَا يُرِيدُ اللهُ لِيُذْهِبَ عَنْكُمُ الرِّجْسَ أَهْلَ الْبَيْتِ وَيُطَهِّرَكُمْ تَطْهِيرًا

ท่านนบี ศ. ได้ออกมาในตอนสายของวันหนึ่ง ที่ท่านมี “ ผ้าห่ม สีดำ “ เมื่อฮะซัน ฮุเซนมาถึง ท่านก็ให้เข้าไปอยู่ในผ้าห่มกับท่าน และเมื่อฟาติมะฮ์มาถึงนางก็ได้เข้าไปอยู่ในผ้าห่มกับท่านนบี แล้วท่านนบีก็กล่าวว่า :
แท้จริง อัลลอฮ์ทรงต้องการจะขจัดมลทิน ออกไปจากพวกเจ้า โอ้อะฮ์ลุลบัยต์นบี และทรงต้องการจะชำระพวกเจ้าให้บริสุทธิ์ยิ่ง

  • ท่านสะอัด บิน อะบี วะกอซ ศ่อฮาบะฮ์ท่านหนึ่งของท่านนบี ศ. เล่าว่า

قَالَ ابْنُ جَرِيرٍ حَدَّثَنَا ابْنُ الْمُثَنَّى، حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرٍ الْحَنَفِيُّ، حَدَّثَنَا بُكَيْر بْنُ مِسْمَارٍ قَالَ: سَمِعْتُ عَامِرَ بْنَ سَعْدٍ قَالَ : قَالَ سَعْدٌ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ﷺ حِينَ نَزَلَ عَلَيْهِ الْوَحْيُ، فَأَخَذَ عَلِيًّا وَابْنَيْهِ وَفَاطِمَةَ فَأَدْخَلَهُمْ تَحْتَ ثَوْبِهِ، ثُمَّ قَالَ: “رَبِّ، هَؤُلَاءِ أَهْلِي وَأَهْلُ بَيْتِي
رواه الطبري في تفسيره (٢٢/٧) والنسائي في السنن الكبرى برقم (٨٤٣٩) من طريق أبي بكر الحنفي، عن بكير بن مسمار، به

สะอัด บิน อบีวะกอซส์ รายงานว่า เมื่อโองการ(มุบาฮะละฮ์)ได้ถูกประทานลงมา ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ศ. ได้นำท่านอะลี และบุตรชายทั้งสองของเขา(ฮะซัน และฮุเซน) และฟาติมะฮ์ เข้าไปภายใต้ผ้าคลุมของท่าน ต่อจากนั้นท่านกล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของฉัน พวกเขาเหล่านี้ คือครอบครัวของฉัน และเป็นอะห์ลุลบัยตัยน์ของฉัน(ผู้ที่ถูกปกป้องจากความบาปและความผิดพลาดทั้งมวล”

Share This:

Leave Your Comments

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *